็Hi! Welcome to our Journal, Today we would like to talk about "Desiccated Coconut".
We all know well about coconut either the young fresh or mature one. We drink its water from young coconut and eat fresh or tosted coconut meat when it became mature. Whether you are going to consume all it gives you heath benefit. Dehydrated one is the one kind of coconut meat that people are interesting on to use it in cooking nowadays. Desiccated Coconut Flake is one kind of Dehydrated Coconut meat.
Desiccated coconut is made from the flesh of fresh coconuts that grow on the coconut palm - a tropical and subtropical tree, which thrives in coastal regions and was referred to as "Kalpa Vriksha" in ancient Sanskrit (meaning "The tree that provides all the necessities of life”). Dried at low temperatures,
Desiccated coconut retains an optimal number of naturally occurring nutrients, including vitamins (B vitamins and vitamin C) and the minerals, magnesium, phosphorus, manganese and potassium, and boasts an irresistibly exotic and mildly sweet, coconut flavour.
Desiccated coconut is a flexible kitchen ingredient that’s simply delicious in all manner of sweet and savoury dishes – it can be sprinkled generously over breakfast dishes, fruit salads and desserts, or used as an additional ingredient in raw chocolate, cakes and snacks, for example. And, as desiccated coconut absorbs a significant amount of water, it is an ideal natural thickening agent in your favourite smoothies, shakes and protein drinks.
Desiccated Coconut Benefits
However, Don't consume it if you have an allergy to coconut products.
Hope this journal will benefit for some what.
Thanks all you guys reading it.
Siam Fine Foods
ขนมจีบไทย ขนมจีบนก - ขนมไส้หมู ขนมที่เราชาวไทยควรรักษา และภาคภูมิใจในวัฒนธรรมการกินอยู่ทีสูงค่า ที่สท้อนถึงความเจริญของชาติผ่านทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะวัฒนธรรมการกิน
และจากความประทับในใจขนมจีบตัวนกตัวกระจิริด จึงเป็นเหตุให้อยากรู้ว่าที่มานั้นเป็นอย่างไร จึงได้พบว่า ในตำรับอาหารว่างชาววัง ที่ปรากฏในกาพย์เห่เรือ (ชมเครื่องหวาน) พระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้บรรยายความไว้เป็นได้อย่างน่าไพเราะ ดังนี้
ขนมจีบเจ้าจีบห่อ งามสมส่อประพิมพ์ประพาย
นึกน้องนุ่งจีบถวาย ชายพกจีบกลีบแนบเนียน
เห็นไม้ ว่าผู้แต่งกลอนนี้ เขียนได้จินตนาการไม๊ละ
นอกจากนี้ อาจารย์ศรีสมร คงพันธุ์ ปรมาจารย์อาหารไทย ได้กล่าวถึงที่มาของขนมจีบไทยว่าเดิมมีชื่อว่า ขนมไส้หมู มาเปลี่ยนเป็น ขนมจีบ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยปรากฏหลักฐานในพระราชนิพนธ์ กาพย์เห่เรือ (ชมเครื่องหวาน) โดย อาจารย์ศรีสมร ท่านเขียนไว้ในหนังสือ เรื่องเล่า กับข้าวไทย (บริษัท ส.ส.ส.ส.จำกัด โทร.08 1811 8730) กล่าวถึงประวัติของขนมจีบไทยเอาไว้ว่า “ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรด ขนมไส้หมู ของเจ้าครอกวัดโพธิ์อย่างยิ่ง และทรงมีพระราชดำรัสเรียกว่า อากุ ซึ่งหมั่นทำไปถวายบ่อยๆ
และในหนังสือ ตำราแม่ครัวหัวป่าก์ ที่ได้รับยกย่องว่าเป็นตำราอาหารไทยเล่มแรก ของสยามประเทศ เขียนโดย ท่านผู้หญิงเปล่น ภาสกรวงค์ นั้น ได้มีการกล่าวถึงในตอนหนึ่งว่า ขนมจีบ อันเป็นของว่างแบบไทยว่า ขนมจีบนกชนิดนี้มีมาแต่ในสมัยโบราณเรียกว่า ขนมไส้หมู เกิดขึ้นโดยมีพระราชวงศ์พระองค์หนึ่งทรงเป็นผู้ชำนาญในการปรุงประดิษฐ์อาหารชนิดนี้อย่างหาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้ อีกทั้งยังได้มีการเปรียบเปรย ขนมจีบนก หรือ ขนมไส้หมู อันมีรูปทรงเหมือนหม้อข้าว (หม้อดิน) ขนาดเล็กยอดเป็นหัวนกก็กลายเป็นขนมจีบ เพราะรอบๆตัวแป้งที่เป็นตัวหม้อทำเป็นจีบเล็กๆเป็นริ้ว จนเปรียบได้กับการที่สตรีนุ่งผ้าจีบชักพกในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
ขนมจีบแบบไทยนั้นตามตำรับเดิมที่ถือว่าสำคัญที่สุดคือ แป้ง และการทำแป้งในสมัยนั้น ก็ไม่เหมือนกับวิธีการในสมัยนี้
เริ่มจากเอาแป้งผสมน้ำ แล้วมานวด และเมื่อนวดแป้งเป็นก้อนกลมแล้วจึงนำลงต้ม เจาะรูตรงกลางพอผิวสุกหนาใสประมาณ 1 เส้นตอก (คือสุกหนาประมาณ 1/8 ซม.)ตักขึ้น ล้างเมือกออกแล้วนวดแป้งให้เข้ากันแล้วต้มอีก ทำไปจนแป้งเนียนเรียกว่าหมดเกรียน แล้วจึงปั้นบรรจุไส้รวบแป้งห่อให้มิด แล้วดึงรูดขึ้นให้แหลม กดเป็นลักษณะหัวนก ข้างๆจะใช้แหนบหนีบจับเป็นจีบถี่ๆรอบๆแป้ง หรือจะจับจีบตั้งแต่ปั้นหม้อ พอใส่ไส้รวบแป้งดึงขึ้นแล้วจะเห็นเป็นจีบรอบตัวแป้ง” แล้วจัดวางลงซึ้งนึ่งจนสุกใส